
<- Back
การบินไทย (THAI) พลิกจากล้มละลายได้อย่างไร? | แกะโมเดลธุรกิจ
8
mins read /
Aug 11, 2025

จากสายการบินแห่งชาติที่เคยเผชิญภาวะขาดทุนสะสมจนเกือบล้มละลาย สู่หนึ่งในหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฯ... การบินไทย (THAI) ทำได้อย่างไร? เบื้องหลังเรื่องราว "ฟีนิกซ์คืนชีพ" ที่น่าตื่นเต้นนี้ มีความจริงทางธุรกิจ, ความเสี่ยง, และบทเรียนอะไรซ่อนอยู่? นี่คือบทวิเคราะห์โมเดลธุรกิจฉบับเต็มที่จะพาคุณมองทะลุไปไกลกว่าแค่ราคาหุ้นบนหน้าจอ
บทวิเคราะห์การลงทุน: Thai Airways International Public Company Limited (THAI) วันที่วิเคราะห์: 10 สิงหาคม 2568
ส่วนที่ 1: การวิเคราะห์ธุรกิจเชิงลึก (Business Deep Dive) 🏢
1. โมเดลธุรกิจและการสร้างรายได้ (Business Model & Revenue Streams):
บริษัทนี้ทำอะไร?: บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI คือสายการบินแห่งชาติของประเทศไทย ดำเนินธุรกิจสายการบินพาณิชย์ครบวงจรทั้งในเส้นทางบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ ให้บริการขนส่งผู้โดยสาร สินค้า และไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศ โดยมีฐานปฏิบัติการหลักอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กลุ่มลูกค้าหลักคือนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
แบรนด์และธุรกิจในเครือ:
Thai Airways: แบรนด์หลักสำหรับบริการสายการบินแบบ Full Service
THAI Cargo: บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ
THAI Catering: ธุรกิจครัวการบิน ผลิตและจัดส่งอาหารให้กับสายการบินต่างๆ
THAI Technical: บริการซ่อมบำรุงอากาศยาน
THAI Ground Services: บริการภาคพื้นดิน
Puff & Pie: ร้านเบเกอรี่และอาหาร
บริษัทนี้ทำเงินอย่างไร?: โครงสร้างรายได้ของ THAI มาจากธุรกิจหลัก 2 ส่วน:
รายได้จากการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า: เป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 80-90% ของรายได้ทั้งหมด มาจากการขายตั๋วโดยสารและค่าระวางขนส่งสินค้า
รายได้จากหน่วยธุรกิจอื่นๆ: มาจากการให้บริการแก่สายการบินอื่น เช่น การบริการภาคพื้น, การซ่อมบำรุง, และการจำหน่ายอาหารจากครัวการบิน ซึ่งเป็นส่วนเสริมแต่ช่วยสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอ
ส่วนที่ 2: การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์และสภาวะการแข่งขัน (Strategic & Competitive Analysis) ⚔️
2. การวิเคราะห์ Five Forces Model:
การแข่งขันในอุตสาหกรรม: [สูงมาก]
อุตสาหกรรมสายการบินมีการแข่งขันที่รุนแรงจากทั้งสายการบิน Full Service และสายการบินต้นทุนต่ำ (Low-Cost Carriers) การแข่งขันสูงในทุกมิติทั้งราคา, เส้นทางบิน, และการบริการ
อำนาจต่อรองของลูกค้า: [สูงมาก]
ลูกค้ามีทางเลือกหลากหลายและมีความอ่อนไหวต่อราคาอย่างยิ่ง การเปรียบเทียบราคาทำได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ลูกค้ามีอำนาจต่อรองสูงมาก
อำนาจต่อรองของซัพพลายเออร์: [สูง]
ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ (Boeing, Airbus) และผู้ให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงมีอำนาจต่อรองสูง เนื่องจากเป็นต้นทุนหลักและมีผู้เล่นน้อยราย
ภัยคุกคามจากผู้เล่นรายใหม่: [กลาง]
แม้จะต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีกฎระเบียบมากมาย แต่การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำยังคงมีอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันด้านราคาให้กับอุตสาหกรรม
ภัยคุกคามจากสินค้าทดแทน: [ต่ำถึงกลาง]
สำหรับเส้นทางระยะไกลยังไม่มีสินค้าทดแทนการเดินทางทางอากาศได้ แต่ในเส้นทางระยะสั้นอาจถูกทดแทนได้ด้วยรถไฟความเร็วสูงในอนาคต
3. การวิเคราะห์ SWOT Analysis:
จุดแข็ง (Strengths):
เป็นสายการบินแห่งชาติ มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักทั่วโลก
มีเครือข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุม โดยเฉพาะการเป็นประตูสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้และองค์กรครั้งใหญ่ ทำให้มีโครงสร้างต้นทุนที่ดีขึ้น
จุดอ่อน (Weaknesses):
ประวัติทางการเงินที่ขาดทุนสะสมมาอย่างยาวนาน
ภาพลักษณ์องค์กรที่เคยประสบปัญหาด้านการบริหารจัดการในอดีต
หนี้สินยังคงอยู่ในระดับสูง แม้จะผ่านแผนฟื้นฟูแล้ว
โอกาส (Opportunities):
การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวโลกและประเทศไทยหลังวิกฤตโควิด-19
การกลับมาเปิดทำการบินในเส้นทางที่เคยทำกำไรและการขยายไปยังตลาดใหม่ๆ
การใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างรายได้
อุปสรรค (Threats):
ความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งเป็นต้นทุนหลัก
ความเสี่ยงจากโรคระบาดใหม่ๆ, ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก, และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
การแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่องจากสายการบินคู่แข่ง
ส่วนที่ 3: การประเมินตามหลักการลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investing Assessment) 📚
4. เช็คลิสต์ตามแนวทาง "The Intelligent Investor":
ขนาดของกิจการ: ผ่าน - เป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีสินทรัพย์และรายได้จำนวนมาก แต่สถานะทางการเงินในอดีตมีความเสี่ยงสูง
ความแข็งแกร่งทางการเงิน: ไม่ผ่าน - แม้จะออกจากแผนฟื้นฟูและส่วนทุนกลับมาเป็นบวกแล้ว แต่บริษัทมีประวัติขาดทุนยาวนานและยังมีหนี้สินคงค้างจำนวนมาก อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ยังสูง (ล่าสุดประมาณ 2.23 เท่า) ถือว่ามีความเปราะบางทางการเงินสูงมาก
เสถียรภาพของกำไร: ไม่ผ่านอย่างยิ่ง - บริษัทขาดทุนต่อเนื่องมาเกือบตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่งจะเริ่มกลับมามีกำไรหลังแผนฟื้นฟู ซึ่งยังไม่มีเสถียรภาพที่พิสูจน์ได้
ประวัติการจ่ายเงินปันผล: ไม่ผ่าน - บริษัทงดจ่ายเงินปันผลมานานมาก (ตั้งแต่ปี 2013) และไม่น่าจะกลับมาจ่ายได้ในเร็วๆ นี้ เนื่องจากต้องนำกำไรไปล้างขาดทุนสะสม
การเติบโตของกำไร: ไม่ผ่าน - กำไรต่อหุ้น (EPS) ติดลบมาตลอด ไม่มีการเติบโตที่ยั่งยืน
การประเมินมูลค่า: ประเมินไม่ได้ (N/A) - เนื่องจากกำไรในอดีตติดลบ ทำให้ค่า P/E Ratio ไม่มีความหมาย การประเมินมูลค่าจึงทำได้ยากมากและต้องอิงกับความคาดหวังต่อผลการดำเนินงานในอนาคตเท่านั้น
5. คุณภาพของกิจการและคูเมือง (Moat & Quality):
คูเมืองของธุรกิจ: [อ่อนแอ]
คูเมืองหลักของ THAI คือ แบรนด์ (Brand) ในฐานะสายการบินแห่งชาติ แต่คูเมืองนี้ถูกทำลายไปมากจากปัญหาในอดีต ในเชิงการแข่งขัน อุตสาหกรรมนี้แทบไม่มีคูเมืองใดๆ เนื่องจากลูกค้าพร้อมย้ายไปหาผู้ให้บริการที่ถูกกว่าเสมอ
ธรรมาภิบาลและคุณภาพผู้บริหาร: [ต้องพิสูจน์]
คณะผู้บริหารและคณะผู้ทำแผนชุดปัจจุบันมีความสามารถในการนำพาบริษัทออกจากภาวะล้มละลายได้สำเร็จ แต่ยังต้องพิสูจน์ความสามารถในการสร้างการเติบโตและกำไรที่ยั่งยืนในระยะยาว
อยู่ใน Megatrend หรือไม่?: [ใช่]
ธุรกิจการบินได้รับอานิสงส์โดยตรงจาก Megatrend ด้านการท่องเที่ยว และการกลับมาเปิดประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนสำคัญ
ส่วนที่ 4: การวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Analysis & Bear Case) ⚠️
6. ความเสี่ยงและข้อเสียที่ไม่ควรมองข้าม:
ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน:
ความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนกับสายการบิน Low-cost ยังคงเป็นคำถามใหญ่
ความเสี่ยงด้านการเงิน:
ความเสี่ยงจากการกลับไปขาดทุนอีกครั้ง หากปัจจัยภายนอกไม่เอื้ออำนวย หนี้สินที่สูงและความเปราะบางของงบดุลเป็นความเสี่ยงที่สำคัญที่สุด
ความเสี่ยงด้านอุตสาหกรรมและการแข่งขัน:
ความผันผวนของราคาน้ำมัน และ สงครามราคา คือความเสี่ยงถาวรของอุตสาหกรรมนี้
ความเสี่ยงด้านการประเมินมูลค่า:
ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาแรงสะท้อนความคาดหวังที่สูงมากต่อการฟื้นตัว หากผลประกอบการทำได้ต่ำกว่าคาด ราคาหุ้นพร้อมจะปรับตัวลงอย่างรุนแรง หุ้นตัวนี้จึงเป็น หุ้นเก็งกำไร (Speculative Stock) โดยธรรมชาติ
บทสรุป "กรณีเลวร้าย" (Bear Case):
เหตุผลที่จะ "ไม่" ลงทุนในหุ้นตัวนี้คือ: THAI คือ "ธุรกิจที่ย่ำแย่" (Terrible Business) ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงและทำกำไรได้ยาก การฟื้นตัวที่เห็นเป็นเพียงผลจากการปรับโครงสร้างหนี้และอานิสงส์การเปิดเมือง หากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น หรือการท่องเที่ยวชะลอตัว บริษัทจะกลับไปขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว การลงทุนในหุ้นตัวนี้ไม่ต่างอะไรจากการพนันบนการฟื้นตัวระยะสั้น
ส่วนที่ 5: การวิจัยเชิงลึกและปัจจัยทางเทคนิค (Deep Research & Technicals) 🔬
7. การวิจัยเพิ่มเติมเพื่อความได้เปรียบ:
สิ่งที่ตลาดอาจมองข้าม:
ตลาดอาจให้ความสำคัญกับเรื่องราวการฟื้นตัว (Turnaround Story) มากเกินไป จนมองข้ามพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่ไม่น่าดึงดูด และความเสี่ยงในระยะยาว
ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalysts):
การกลับมาเทรดในตลาด SET อย่างเป็นทางการ (เกิดขึ้นแล้วในเดือนสิงหาคม 2568)
ผลประกอบการรายไตรมาสที่ดีเกินคาดจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวแรง
การประกาศแผนการบินหรือความร่วมมือใหม่ๆ ที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
8. มุมมองทางเทคนิค (เพื่อหาจังหวะและบริหารความเสี่ยง):
แนวโน้มราคา (Trend):
ราคาหุ้นมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่งมากในระยะสั้นและกลาง สะท้อนการเข้ามาเก็งกำไรอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม แนวโน้มนี้มีความเปราะบางสูง
แนวรับ-แนวต้านสำคัญ (Support/Resistance):
การหาแนวรับ-แนวต้านทำได้ยากเนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว นักลงทุนต้องติดตามกรอบราคาในแต่ละวันอย่างใกล้ชิด
โมเมนตัมและปริมาณการซื้อขาย (Momentum & Volume):
ดัชนี RSI อยู่ในโซน ซื้อมากเกินไป (Overbought) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงความร้อนแรงที่อาจจะจบลงด้วยการปรับฐานรุนแรง ปริมาณการซื้อขายที่สูงเป็นการยืนยันถึงความสนใจของนักลงทุนรายย่อยในการเข้ามาเก็งกำไร
ส่วนที่ 6: สรุปบทวิเคราะห์การลงทุน (Investment Thesis Summary) 🎯
9. บทสรุปสำหรับนักลงทุน:
เรื่องราวการลงทุน (The Story): THAI คือเรื่องราวของ "ฟีนิกซ์ที่พยายามจะเกิดใหม่" จากเถ้าถ่านของการล้มละลาย โดยอาศัยปีกของการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวพยุงขึ้นมา แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงว่าปีกคู่นี้จะแข็งแรงพอที่จะบินต่อไปได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
เหตุผลหลักในการลงทุน (Key Drivers):
การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว (Tourism Rebound): ปัจจัยหนุนหลักเพียงหนึ่งเดียวในขณะนี้
การปรับโครงสร้างสำเร็จ (Successful Restructuring): ทำให้ต้นทุนลดลงและงบดุลดีขึ้นชั่วคราว
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อย (Retail Investor Sentiment): แรงเก็งกำไรที่ผลักดันราคาหุ้น
บทสรุปสุดท้าย:
ในมุมมองปัจจัยพื้นฐาน: THAI ไม่ผ่านเกณฑ์การลงทุนเน้นคุณค่าในทุกมิติ เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงมาก ไม่มีคูเมือง และไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่ยั่งยืน การลงทุนในหุ้นตัวนี้ขัดกับหลักการของ The Intelligent Investor อย่างสิ้นเชิง และไม่มี Margin of Safety ใดๆ ทั้งสิ้น
ในมุมมองปัจจัยทางเทคนิค: แม้กราฟจะดูเป็นขาขึ้นที่สวยงาม แต่เป็นภาวะที่เต็มไปด้วย การเก็งกำไรที่ร้อนแรงเกินพื้นฐาน มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดการปรับฐานรุนแรงได้ทุกเมื่อ เหมาะสำหรับนักเก็งกำไรที่เข้าใจความเสี่ยงและพร้อมจะขาดทุนสูงเท่านั้น ไม่เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวอย่างยิ่ง
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ (Disclaimer): ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและการศึกษาเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเองและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุน